ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้ าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์
สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับทางทิศเหนือมีอ สูร รากษส และภู ตผีปีศ า จเป็นบริวาร
ว่ากันว่าอาณาเขตที่ ท้ าวเวสสุวรรณ ปกครองนั้นใหญ่มหาศาลมาก
คนไทยโบราณนิยมนำผ้ายันต์รูปยักษ์ผูกไว้ที่หัวเตียงเ ด็ ก เพื่อป้องกันวิ ญญ าณชั่ วร้ า ยไม่ให้มารังควานแก่เ ด็ ก
ท้ าวกุเวรองค์นี้มีกล่าวถึงในอาฏานาฏิยปริตรว่านำเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
และได้ถวายสัตย์ที่จะดูแลพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกไ ม่ให้ยักษ์หรือบริวารอื่น ๆ ของท้ าวจตุโลกบ าลไปรังควาน
ท้ าวกุเวรหรือท้ าวเวสวัณนั้น ส่วน มากเราจะพบเห็นในรูปลักษณ์ของยักษ์ยืนถือ
กระบองย าวหรือคทา ไม้เท้าเป็นรูปกระบอง กันซะส่วนใหญ่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีรูปเคารพของท่านในรูปของชายนั่งในท่า
มหาราชลีลา มีลักษณะอันโดดเด่นคือ พระอุระพลุ้ยอีกด้วย กล่าวกันว่าผู้มีอาชีพสั ปเหร่อ
หรือมีอาชีพประหารชีวิตนักโ ท ษ มักพกพารูปท้าวท้าวเวสวัณ สำหรับคล้องคอเพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง
ป้องกันภั ยจากวิญญาณร้ า ยที่จะเข้ามาเบียดเบียน
หลากหล า ยความเชื่อหลากหล า ยเรื่องราวที่มีมาและสืบทอ ด กัน มาจนถึงในปัจจุบันนี้
หากเราได้พูดถึงในเรื่องราวความเชื่อต่างๆแล้ว วันนี้เราได้มีความเชื่อเป็นการบูชาที่จะทำให้ชีวิตมีความเจริญมากยิ่งขึ้น มีวาสนาดี มีเงินทองใช้อ ย่ างไม่ข า ด
การบูชาในเรื่องราวต่างๆนั้น หากเราได้พูดถึงท้ า ว เว ส สุ วรรณตั้งแต่ในสมัยโบราณกาลนาน มาแล้ว
คนโบราณจะมีความเชื่อ กันว่า ท้ า ว เว ส สุ วรรณนั้นหากบูชาเอาไว้ไม่ว่าจะกับตัวหรือเอาไว้ในบ้ า น
จะนำพาช่วยเป็นการเสริมโชคต่างๆ ทั้งหน้าที่การงานให้มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น
การเงิ นให้มีเงินทองใช้อ ย่ างไม่ข า ด และจะให้ช่วยพ้น ภั ยต่างๆที่จะเกิ ดขึ้นต่อตัวท่านด้วย
บูชาท้ า ว เว ส สุ วรรณ พระคาถาของ สมเด็จพระพุ ธกั ส ส ป ได้เผยโดยหล ว งพ่อฤ าษีลิ งดำ แห่งวัดท่าซุง
โดยหล ว งพ่อท่านบอ กว่าคาถาบทนี้ เป็นหนึ่ งในคาถาที่มีความศักดิ์ สิทธิ์ ท้ า ว เว ส สุ วรรณท่านให้มา
และบอ กกล่าวว่าให้สวด มนต์ไหว้พระตั้งจิตตั้งใจในทุกคืนในเวลาก่อนนอน
ให้พระองค์ระลึกถึงบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์อัน มีพระพุทธ กั ส สปทรงเป็นประธาน เพราะท่านได้เป็นเจ้าของบทคาถานี้
พุท ธั ง มัดจิต ธัม มั ง มัดใจ ศั ต รูทั้งหล า ย วินา ศสั น ติ พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โ ร คทั้ งหล า ย วิน า ศสัน
สำหรับบทแรกเป็นการกล่าว คาถาเพื่อเป็นการปกป้องและเพื่อเป็นการรั ก ษ าตนเอง
บทหนึ่ งของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
ฆ ะเ ต สิ ฆะเ ต สิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ
ท่านสามารถสวดคาถาทั้งสองไปพร้อมๆกันได้เลย เมื่อได้สวดแล้วศั ต รูรอบข้างจะแพ้ภั ยไปเอง
อุปส รรคต่างๆที่ล้วนจะเข้ามาก็สามารถจะก้าวผ่ านไปได้อ ย่ างราบรื่น ไ ม่มีอุปสร รคและไ ม่มีปัญห าใดๆ
บทกรวดน้ำแบบสั้น
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิต า โหนตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหล า ยของข้าพเจ้าเถิด
ขอญาติทั้งหล า ยของข้าพเจ้า จงมีความสุขกายสุขใจ เถิดฯ
ข้าพเจ้ากล่าวชื่อ นามสกุล ขออุทิศบุญกุ ศล จา กการ เจริญภาวนานี้ ให้แก่เจ้า กร รมน ายเว รของข้าพเจ้าทั้งหล า ย
สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อ ดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ชาติใด ก็ต ามภพใด ก็ต าม โดยตั้งใจก็ดี
ไม่ได้ตั้งใจก็ดี โปรดอโหสิกร ร มให้แก่ข้าพเจ้า และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วย ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำนี้ จงส่งผลให้แก่เจ้าก ร รมนายเ วรทั้งหล า ยของข้าพเจ้าเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
หลังจากที่ได้กล่าวคำสวดข้างต้นทั้งหมดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับบทกรวดน้ำแบบสั้นข้างต้นเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ให้เราน้ำไปเทไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อที่จะทำให้เป็นการแผ่บุญกุศลให้กับผู้อื่น
โดยสิ่งเหล่านี้ที่เราทำนั้นเมื่อทำแล้วจะเกิดความสุขกายสบายใจ จะมีคนคอยปกปักคุ้มครอง สิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราได้ดี
ที่มา postsod sanook